วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


ข้อมูลทั่วไป

อุทยาน แห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของ

ประเทศ ไทยมีอาณาเขตครอบคลุม11 อำเภอ ของ 4

จังหวัด คือ อำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี




อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

อำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอ

เมือง จังหวัดปราจีนบุรี และอำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ได้รับสมญานามว่าเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มป ระเทศอาเซียน เป็นป่าผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ในส่วนหนึ่งของดงพญาไฟหรือดงพญาเย็นในอดีต ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำมูล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้างป่า กวางป่า เก้ง กระทิง เสือ ตลอดจนมีลัก ษณะทางธรรมชาติที่สวยงาม มีเนื้อที่ 1,353,471.53 ไร่ หรือ 2,165.55 ตารางกิโลเมตร

เมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว ราษฎรบ้านท่าด่านและบ้านท่าชัย

จังหวัดนครนายก ได้บุกรุกถางป่าปลูกพริกปลูกข้าวบนเขาใหญ่

และจับจองพื้น

ที่สร้างบ้านเรือนอาศัยอยู่บนเขาใหญ่ ประมาณ

30 หลังคาเ

รือน ต่อมาได้พัฒนายกฐานะเป็นตำบลเขาใหญ่ ขึ้นอยู่

กับอำเภอปากพลี ทำให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าทำไร่เลื่อนลอย
เพิ่มขึ้นเรื่อย ต่อ
มากลายเป็นที่หลบซ่อนพักพิงของโจรผู้ร้าย และผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีอาญาอยู่เนืองๆ เพราะการคมนาคมยากลำ บาก ห่างไกลแหล่งชุมชนอื่นๆ ยากแก่การตรวจปราบปราม ด้วยเหตุนี้ทางราชการในสมัยนั้นจึงยุบตำบลเขาใหญ่ และให้ราษฎรที่อาศัยอยู่บนเขาใหญ่อพยพลงสู่ที่ราบ หมู่บ้านและไร่ที่ทำกินบริเวณป่าเขาใหญ่ จึงถูกทิ้งร้างกลายสภาพเป็นทุ่งหญ้าคาสลับกับป่าที่อุดมสมบูรณ์

ในปี พ.ศ. 2502 ฯพ

ณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจราชการทางภาคเหนือ เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะคุ้มครองรักษาธรรมชาติโดยเฉพาะป่าไม้ จึงได้ให้กระทรวงเกษตร และกระทรวงมหาดไทย ร่วมมือและประสานงานกันเพื่อ

จัดตั้งอุทยานแห่งชาติขึ้นในประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติการประชุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2502 ให้กำหนดป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครนายก จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสระบุรี และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัดต่าง ๆ รวม 14 ป่า เป็นอุทยานแห่งชาติ จากนั้นกรมป่าไม้ได้เริ่มเตรียมการและวางแผนการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติขึ้น โดยได้รับความร่วมมื

อและช่วยเหลือจาก DR. GEORGE C. RUHLE ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอุทยานแห่งชาติ ของสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ ( IUCN ) จากประเทศสหรัฐอเมริกา

ลักษณะภูมิประ เทศ




สภาพ ทั่วๆ ไปของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่ด้านตะวันตกของเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งสูงโดดเด่น

ขึ้นมาจากที่ราบภาคกลางแล้วก่อตัวเป็นแนวเขตของที่ราบสูง โคราช มีเขาร่มเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด

1,351 เมตร เขาแหลมสูง 1,326 เมตร เขาเขียวสูง 1,292 เมตร เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร เขาฟ้าผ่าสูง 1,078 เมตร เขากำแพ

งสูง 875

เมตร เขาสมอปูนสูง 805 เมตร และเขาแก้วสูง 802 เมตร ซึ่งวัดความสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นเกณฑ์ และยังประกอบด้วยทุ่งกว้างสลับกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ด้านทิศเหนือและตะวันออกพื้นที่จะลาดลง ทางทิศใต้และตะวันตกเป็นที่สูงชันไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารที่สำคัญถึง 5 สาย ได้แก่ แม่
น้ำปราจีนบุรีและแม่น้ำนครนายก อยู่ในพื้นที่ทางทิศใต้ของ

อุทยานแห่งชาติ

เขาใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเกษตรกรรมและระบบทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคนี้ แม่น้ำทั้ง 2 สายนี้ มาบร

รจบกันที่จังหวัดฉะเชิงเทรา กลายเป็นแม่น้ำบางปะกงแล้วไหลลงสู่อ่าวไทย แม่น้ำลำตะคองและแม่น้ำพระเพลิง อยู่ในพื้นที่ทางทิศเหนือ ไหลไปหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมของที่ราบสูงโคราช ไปบรรจบกับแม่น้ำมูลซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของภาคอีสานตอนล่างไหลลงสู่แม่น้ำ โขง ห้วยมวกเหล็ก อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีปริมาณน้ำไหลตลอดทั้งปีและให้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร โดยเฉพาะการปศุสัตว์ของภูมิภาคนี้ ไหลลงสู่แม่น้ำป่าสัก ที่อำเภอมวกเหล็ก

ลักษณะภูมิอากาศ

ด้วย สภาพป่าที่รกทึบและได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม ทำให้เกิดฝนตกชุกตามฤดูกาล อากาศไม่ร้อนจัดและหนาวจัดจนเกินไป จัดอยู่ในประเภทเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวและประกอบกิจกรรมนันทนาการชนิดต่างๆ อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 23 องศา

เซลเซียส ฤดูร้อน แม้ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวกว่าในที่อื่น แต่ที่เขาสูงบนเขาใหญ่อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อน เล่นน้ำในลำธารและนำอาหารไปรับประทาน ไม้ป่ามีดอกหลากสีบานสะพรั่งบ้างออกผลตามฤดูกาล
ฤดูฝน เป็นช่วงหนึ่งของปีที่สภาพบนเขาใหญ่ชุ่มฉ่ำ ป่าไม้ทุ่งหญ้าเขีย
วขจีสดสวย น้ำตกทุกแห่งไหลแรงส่งเสียงดังก้องป่าให้ชีวิตชีวาแก่ผู้ไปเยือน แม้การเดินทางจะลำบากกว่าปกติแต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่ลดน้อยลงเลย
ฤดูหนาว ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูที่นิยมไปเขาใหญ่มากที่สุด ท้องฟ้าสีครามแจ่มใสตัดกับสีเขียวขจีของป่าไม้ พยับหมอกที่ลอยเอื่อยไปตามทิวเขา ดวงอาทิตย์กลมโตอยู่เบื้องหน้าไกลโพ้น อากาศหนาวเย็นในเวลากลางคืน แต่รุ่งเช้าของวันใหม่จะพบกับธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างไปจากเมื่อวานอีกแบบหนึ่ง





ด้านธรรมชาติที่สวยงาม

น้ำตกตาดมะนาว
เป็นน้ำตกขนาดเล็กๆ ที่สวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ เดินไปตามเส้นทางเดินเท้าออกจากด้านหลังโภชนาการ ททท. เขาใหญ่ (เดิม) ประมาณ 5-6 กิโลเมตร จะผ่านป่าดงดิบชื้นที่มีพันธุ์ไม้เล็กใหญ่และไม้สมุนไพรที่น่าสนใจศึกษา

น้ำตกตาดตาภู่
น้ำตกนี้อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เกิดจากห้วยระย้าเป็นน้ำตกที่มีลักษณะเป็นโขดหินและลาดหินที่มีน้ำไหลหลั่น เป็นทอดลาดเอียงไปข้างล่างประมาณ 100 เมตร เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบพักค้างแรมในป่า ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ใกล้ๆ น้ำตกจะมีทุ่งหญ้าสลับกับป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของ สัตว์ป่านานาชนิด ที่เห็นประจำ ได้แก่ เก้ง กวาง ช้างป่า กระทิง นกนานาชนิด เป็นต้น

น้ำตกตาดตาคง
เป็นน้ำตกที่งดงามและสูงอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่ถัดไปจากน้ำตกตาดตาภู่ประมาณ 4 กิโลเมตรเศษ การเดินทางจะเริ่มต้นที่ด้านหลังของโภชนาการ ททท. เขาใหญ่ (เดิม) ก็ได้ ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร หรือจะเริ่มที่ กม. 5.5 ถนนเขาใหญ่-ปราจีนบุรีก็ได้ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร

กลุ่มน้ำตกผาตะแบก
น้ำตกกลุ่มนี้เป็นน้ำตกขนาดไม่เล็กมากนัก เกิดบนห้วยน้ำซับลักษณะของน้ำตกเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันลงไป 5 ชั้น จากปากทางเข้าบนถนนสายเขาใหญ่-ปราจีนบุรี ช่วงระหว่าง กม. 6.5-7 จะมีทางเดินเท้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จัดทำเอาไว้ เดินเข้าไปเพียง 500 เมตร ก็จะถึงน้ำตกแห่งแรก คือ น้ำตกผากระจายและเดินต่อไปอีกจะถึงน้ำตกผาหินขวาง น้ำตกผารากไทร น้ำตกผาชมพู และน้ำตกผาตะแบก รวมระยะทางในการเดินเท้าทั้งสิ้นประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ

จุดชมทิวทัศน์ กม.30
กิโลเมตรที่ 30 ถนนธนะรัชต์ สามารถชมทิวทัศน์ด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้เป็นบริเวณกว้างและสวยงาม

จุดชมทิวทัศน์เขาเขียว (ผาเดียวดาย)
จุดชมทิวทัศน์เขาเขียว (ผาเดียวดาย) นับเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามน่าชม มีลักษณะคล้ายผานกเค้าที่ภูกระดึง จะมองเห็นภูเขาร่มขวางอยู่เป็นแนวยาวและทิวทัศน์ที่สวยงามด้านจังหวัด ปราจีนบุรี ตอนเช้าตรู่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเป็นดวงกลมสีแดงเหนือสันเขาร่มที่ สวยงาม

เส้นทางถึงยอดเขาเขียวมีระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร
บริเวณ ช่วงกิโลเมตรที่ 9 มีเส้นทางลงสู่จุดชมทิวทัศน์ผาเดียวดาย ผ่านป่าดิบเขาที่ชุ่มชื้นและอากาศเย็นตลอดปี ตามต้นไม้และโขดหินมีมอสและตะไคร่ขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วไป บริเวณนี้จะพบนกบนที่สูงหลายชนิด เช่น นกปรอดดำ นกเปล้าหางพลั่ว นกแซงแซวหางบ่วงเล็ก เป็นต้น

หอดูสัตว์เป็นสถานที่จัดทำขึ้นสำหรับการซุ่มดูสัตว์ป่า ผู้ที่สนใจสามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 18.00 น. ได้แก่ หอดูสัตว์หนองผักชี อยู่บริเวณหนองผักชี ซึ่งเป็นแหล่งน้ำของสัตว์ป่ารอบๆ หนองน้ำ เป็นทุ่งหญ้าคากว้างใหญ่ มีโป่งสัตว์ ปากทางเข้าอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 35 - 36 ถนนธนะรัชต์ เดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรหอดูสัตว์มอสิงโต อยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำมอสิงโต รอบๆ มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าโล่งที่เหมาะสำหรับซุ่มดูสัตว์ป่าที่มากินดินโป่ง ซึ่งเป็นดินที่มีแร่ธาตุสำคัญของสัตว์กินพืช อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ ประมาณ 500 เมตร

นอกจากนี้ในบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขญ.4 (คลองปลากั้ง) ยังได้จัดให้มีหอดูสัตว์ชมกระทิง โดยอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ประมาณ 2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในทุ่งหญ้าติดชายป่า เชิงสันเขากำแพง มีทิวทัศน์สวยงามมาก ในเวลาเย็นจะมีฝูงกระทิงออกหากินบริเวณใกล้ๆ สามารถชมจากหอดูสัตว์นี้ได้ชัดเจน






















วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น







สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น หากจะว่าไปแล้วนับเป็นประเทศที่ติดอันดับต้นๆ เลยทีเดียวที่มีคนอยากไปท่องเที่ยวมากที่สุด อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นมีภูมิประเทศที่มีความเป็นเฉพาะตัว และมีเอกลักษณ์ อย่างเช่น ภูเขาไฟฟูจิ ที่มีหิมะที่เปล่งความงดงามอยู่คู่ประเทศมายาวนาน ศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างเหนียวแน่น และคนญี่ปุ่นที่มีความเป็นมิตรไมตรี เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา ครั้งแล้วครั้งเล่าที่อยากจะไปเยือนญี่ปุ่นอีกครั้ง

สถานที่ที่จะแนะนำมี 5 ที่ ดังนี้
1.โตเกียว (Tokyo) ได้แก่
พระราชวังอิมพีเรียล (Tokyo)พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิและพระราชวงศ์ อาณาบริเวณหลายแห่งในพระราชวังจึงมิได้เปิดให้เข้าชม แต่บางส่วนจะเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงวันหยุดพิเศษ ตัวปราสาทสร้างตามรูปแบบในสมัยเอโดะ ล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงหิน ทางเข้าหลักจะเป็นสะพานคู่หรือเรียกว่า นิจูบาชิ (Nijubashi) ที่สร้างได้อย่างสวยสง่างาม แต่ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปผ่าน ยกเว้นในช่วงปีใหม่และวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดิที่จะเปิดให้พสกนิกร(บางคน)ข้ามมารับพระราชทานพรใกล้ๆที่ประทับ ทางด้านตะวันออกจะมีสวนดอกไม้ (Higashi Gyoen) ซึ่งจัดไว้อย่างสวยงามเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอดเวลา และเข้าไปยังเขตพระราชฐานได้ 3 ประตู จากทั้งหมด 8 ประตู คือ โอเตมง(Ote-mon), ฮิรากาวะมง(Hirakawa-mon) และคิตะฮาเนบาชิมง(Kitahanebashi-mon) ตัวพระตำหนักเป็นอาคารคอนกรีตทรงเตี้ยกว้างสร้างด้วยหินแกรนิตและบะซอลต์จากภูเขาไฟ คลุมด้วยหลังคาสีเขียว สร้างเสร็จในปี 1970 แทนพระตำหนักไม้หลังเดิมที่ถูกระเบิดในช่วงสงครามโลกในปี 1945
อาซากุสะ (Asakusa)สิ่งที่อยู่คู่กับย่านอาซากุสะและเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือ วัดเซ็นโซจิ หรืออาซากุสะคันนง (Asakusa Kannon) น่าจะเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโตและมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนกันแน่นขนัดทุกปี และซื้อของที่ระลึกซึ่งมีร้านรวงตั้งเป็นแถวยาวให้เลือกจับจ่าย จึงทำให้วัดแห่งนี้รุ่งเรืองและคึกคักด้วยผู้คน ตำนานของวัดแห่งนี้เล่าต่อๆกันมาว่าได้มีชายหาปลาสองคนพี่น้องมาทอดแหในแม่น้ำ แต่กลับได้รูปปั้นพระโพธิสัตว์(Kannon)แทน หัวหน้าหมู่บ้านจึงสร้างวัดขึ้นใน ค.ศ. 628 เพื่อประดิษฐานรูปปั้นนั้น และตำนานยังมีต่ออีกว่าในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับที่พบรูปปั้นได้ปรากฎมังกรทองตัวหนึ่งเลื้อยลงมาจากสวรรค์ บรรดาโชกุนและซามูไรต่างก็นิยมมาสักการะที่วัดนี้ ทางทิศตะวันออกของวัดคือ แม่น้ำซูมิดะงาวะ(Sumida-gawa) ไหลลงอ่าวโตเกียวและใกล้ๆกันจะมีสวนสาธารณะซูมิดะโคเอ็น(Sumida Koen) ซึ่งเปิดโล่งสู่แม่น้ำด้วยบรรยากาศสวยงามน่าเดินเล่น โดยเฉพาะช่วงดอกซากุระบานสะพรั่ง ริมแม่น้ำแห่งนี้ยิ่งสวยงามเหนือคำบรรยายจริงๆค่ะ
ชินจูกุ (Shin-juku)ชินจูกุเป็นสถานีรถไฟที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นจุดเปลี่ยนต่อรถไฟทั้งสายในโตเกียวและ วิ่งสู่ภูมิภาคต่างๆรวมถึงรถไฟใต้ดินด้วย บริเวณสถานี มีร้านค้าตั้งอยู่เรียงรายแน่นขนัดทั้งบนดินและใต้ดิน และยังมีห้างสรรพสินค้าใหญ่อีก 4 แห่งให้เดินชอบปิ้ง
กันสุดเหวี่ยงไปเลยในแถบนั้น หากเดินห้างทั้ง 4 แล้วยังไม่จุใจยังไม่หมดนะคะ ให้ท่านลองเดินไปยังประตูสถานีด้านตะวันออกสู่ชินจูกุโดริ(Shinjuku Dori) ที่นั่นจะมีห้างสรรพสินค้ารวมถึงร้านค้าอีกจำนวนมากไว้รองรับนักช้อป ชินจูกุโดริมีบริเวณโล่งเหมาะแก่การเดินทอดน่องเตร็ดเตร่ มีจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ให้ชมอยู่ด้านนอกของห้างสตูดิโออัลต้า(Studio Alta) ให้ชมกันเพลินๆไปเลย หากต้องการชมวิวอีกรูปแบบหนึ่งให้เดินมาตามยาซุคุนิโดริซึ่งอยู่ใต้ทางรถไฟ เพื่อไปยังด้านตะวันตกของชินจูกุ ท่านจะได้พบกับอาคารสูงเสียดฟ้ามากมายในย่านตะวันตก เมื่อเดินมาเรื่อยๆท่านจะตื่นตาตื่นใจกับตึกแฝดสูงลิบลิ่ว ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Office) ด้วยความสูงของตึก 48 ชั้น หรือ 243 เมตร ทำให้อาคารแห่งนี้ดูเด่นตระหง่านและเหมือนจะประกาศความยิ่งใหญ่ของโตเกียวได้เป็นอย่างดี

2.เกียวโต (Kyoto)
เกียวโต นครแห่งนี้เป็นเมืองหลวงและที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่นมาเกือบ 1,100 ปี จำลองแบบจากนครฉางอันเป็นเมืองหลวงของจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันคือเมืองซีอาน โดยผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีถนนตัดกันเป็นรูปตารางและยังคงปรากฎหลักฐานมาจนถึงปัจจุบัน เกียวโตคือสัญญลักษณ์ความเป็นประเพณีนิยมของญี่ปุ่น เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่เก็บรักษาศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นไว้ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 7 ของญี่ปุ่น มีจำนวนประชากร 1,400,000 คน
ถ้าคุณจะเริ่มเที่ยวที่เกียวโต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมนั่งรถไฟชินคังเซ็นจากโตเกียวมาลงที่สถานีเกียวโต (Kyoto Station) ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมง เมื่อเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ก็จะได้เห็นสภาพเมืองเกียวโตแออัดจอแจเหมือนเมืองทั่วไปในญี่ปุ่น ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวจะซ่อนตัวอยู่รายรอบด้านนอกกำแพงเมืองเก่าและตามถนนสายแคบ แม้ความเจริญทันสมัยจะรุกล้ำอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังพบเห็นบ้านเรือนแบบเก่ามากมายตามตรอกแคบๆ
ปราสาทนิโจโจ (Nijo-jo) เริ่มสร้างโดยเจ้าเมืองโอดะ โนบุนางะ ในปี 1569 โชกุนโทกุงาวะ อิเอยะสุ ผู้เป็นมิตรได้สานต่อจนสำเร็จ ปราสาทแห่งนี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำแพงหินโอ่อ่า และห้องโถงสำหรับเจ้าเมืองเข้าเฝ้าโชกุนตกแต่งด้วยทองหรูหราสะท้อนถึงอำนาจโชกุนในสมัยเอโดะ ภายในปราสาทมีวังนิโนมารุ กระดานระเบียงเชื่อมหมู่อาคารของวังเป็นพื้น "นกไนติงเกล" เวลาเดินเหยียบพื้นจะมีเสียงดังเหมือนเสียงนกนี้หากเดินไปทางทิศตะวันตกตามถนนคิตะโอจิโดริ (Kitaoji Dori) ก็จะผ่านสวนสาธารณะฟุนาโอกะยามะโคเอ็น เพื่อไปยังวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji-วัดศาลาทอง) ซึ่งรู้จักกันดีที่สุดในเกียวโต วิหารหุ้มด้วยทองคำมี 3 ชั้น โดยชั้นแรกมีลักษณะเป็นพระราชวัง ชั้นที่สองเป็นแบบบ้านซามูไร ส่วนชั้นที่สามเป็นแบบวัดเซน วัดแห่งนี้ล้อมรอบด้วยสระน้ำกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยแมกไม้ จึงมีทัศนียภาพที่งดงามยิ่ง
ย่านเก่ากิอน (Gion) เป็นย่านเริงรมย์หรือถิ่นเกอิชาชื่อกระฉ่อนของเกียวโต ในเกียวโตเรียกเกอิชาว่า "ไมโกะ หรือ เกโกะ" สมัยโบราณคำว่าเกอิชาในเมืองเกียวโตหมายถึงผู้ให้ความบันเทิงซึ่งเป็นชายแต่แต่งกายเป็นหญิง แต่ในเมืองโตเกียวและโอซาก้าคำนี้หมายถึงผู้ให้ความบันเทิงที่เป็นหญิง ไมโกะเป็นเด็กรุ่นสาวอายุราว 16 ปี ตรงเอวรัดผ้าแถบยาวเรียก โอบิ (obi) อันเป็นลักษณะเฉพาะ พออายุได้ 21 ปีก็ขยับฐานะไปเป็นเกโกะ แต่งชุดกิโมโนประดับประดาเต็มที่

3.โอซาก้า (Osaka)
โอซาก้า เป็นเมืองธุรกิจที่สำคัญและมีการเจริญเติบโตมาอย่างยาวนาน โอซาก้าได้รับสมญานามมากมาย เช่น เมืองแห่งสายธาร เพราะเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง หรือจะเป็นนครพันสะพาน เนื่องจากมีสะพานเกือบพันแห่ง แม่น้ำและสะพานเหล่านี้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและวัตถุดิบเข้าออกโอซาก้า ซึ่งเป็นประตูส่งออกที่สำคัญของญี่ปุ่น
ปราสาทโอซาก้าโจ (Osaka-jo) เป็นจุดที่มีผู้ไปเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง โดยเดินไปตามบาทวิถีจนถึงปลายเกาะนาคาโนะชิมะด้านตะวันออก แล้วเดินไปทางเหนือข้ามสะพานเท็นจินบาชิ (Tenjin-bashi) ตรงป้อมตำรวจ แล้วเดินขึ้นไปทางเหนืออีกจะพบ ศาลเจ้าเท็มมังงุจิงงุ (Tenmangu Jingu) ซึ่งสร้างถวายเทพแห่งความรู้ เมื่อเดินตามบาทวิถีริมแม่น้ำราวหนึ่งกิโลเมตร ก็จะถึงโรงกษาปณ์โอซาก้า (Osaka mint) และพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณ์ จากนั้นข้ามสะพานคาวาซากิบาชิ (Kawasaki-bashi) ไปยังปราสาทโอซาก้าโจที่อยู่ข้างหน้า ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับโอซาก้าในกาลข้างหน้า หอคอยปราสาทผงาดเหนืออุทยานกว้างและกำแพงหิน เป็นการจำลองแบบจากของเดิมที่สร้างโดย โตโยะโตมิ ฮิเดโยชิ เมื่อปี 1585 ปราสาทมหึมาหลังนี้สร้างเสร็จโดยใช้เวลาสามปี โดยระดมคนจำนวนหลายหมื่นมาก่อสร้าง



4.ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
คุณสามารถชมเมืองฮิโรชิมาได้ดีที่สุดด้วยการนั่งรถ
แล้วชมเมืองผ่านทางหน้าต่างรถที่แล่นไปเรื่อยๆ
อันแรกขอแนะนำ ปราสาทฮิโรชิม่าโจ (Hiroshima-jo)
สร้างโดยตระกูลโมริด้วยเทคนิคก่อสร้างและป้องกัน
ศัตรูที่ทันสมัย ปราสาทตั้งอยู่บนเสาเข็มตอกลงไปใน
พื้นดินซึ่งเคยเป็นหนองน้ำแต่ถูกถมขึ้นมา คูน้ำล้อมปราสาทด้านนอกถูกสร้างให้อยู่สูงกว่าบริเวณรอบๆ เพื่อปล่อยน้ำทะลักท่วมพื้นที่ราบ ในศตวรรษที่ 19 ปราสาทแห่งนี้ใช้เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และใช้เป็นศูนย์บัญชาการทางทหารด้วยแต่แล้วก็ถูกระเบิดถล่ม ในปี 1958 จึงได้รับการก่อสร้างใหม่ ภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับที่แห่งนี้ไว้ด้วย
นอกจากนี้ในสวนยังมีอนุสาวรีย์และเปลวไฟแห่งสันติภาพ อนุสาวรีย์สร้างเป็นรูปตัวยูคว่ำสะท้อนบ้านหลังคามุงจากสมัยโบราณของญี่ปุ่น บรรจุหีบศิลาพร้อมรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์และคำจารึกว่า "จงเข้าสู่นิทราอย่างสงบ ความผิดพลาดมิอาจเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม" จากอนุสาวรีย์คุณจะมองเห็นเปลวไฟแห่งสันติภาพและอะตอมิคโดม มีรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเด็กหญิงผู้หนึ่งที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดเนื่องจากกัมมันตภาพรังสี เธอเชื่อว่าถ้าสามารถพับนกกระเรียนได้ 1,000 ตัวก็จะไม่ตาย แต่แล้วเธอก็สิ้นใจขณะพับนกได้ 954 ตัว เธอก็คือ ซาดาโกะ ที่เรารู้จักกันนั่นเอง เด็กนักเรียนทั่วประเทศจะพากันน้ำพวงหรีดที่พับด้วยนกกระเรียนมาสวมรอบคอรูปปั้นเสมอ มิยาจิมะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเลยทีเดียว ใครที่ไปฮิโรชิม่าคงไม่พลาดรายการนี้เป็นแน่ เกาะมิยาจิมะ หรือเกาะแห่งศาลเจ้า อยู่ถัดจากตัวเมืองฮิโรชิม่าออกไป เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่นี่คุณจะได้พบกับสัญลักษณ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่คุ้นตาคือ "โทริอิ" ซึ่งเป็นซุ้มประตูสีแดงที่ผุดทะยานเหนือผืนน้ำทะเลเบื้องหน้าศาลเจ้าอิตสึคุชิมะจินจะ ตัวศาลเจ้าเองผงาดอยู่บนตอไม้สูง เวลาน้ำขึ้นจึงดูราวกับเรือขนาดยักษ์ลอยอยู่บนสายน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามสะพานไปที่หอทำวัตรเช้า ซึ่งมีการจัดแสดงเครื่องแต่งกายและหน้ากากซึ่งใช้ในเทศกาลระบำบุงากุ ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม และละครโนห์ที่แสดงในกลางเดือนเมษายน


5.โยโกฮาม่า (Yokohama)
ปัจจุบันเมืองโยโกฮาม่า เป็นส่วนหนึ่งของกรุงโตเกียว
และเป็นเมืองศูนย์กลางที่สำคัญเนื่องจากมีท่าเรือพาณิชย์
นานาชาติใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกไกล เมืองโยโก
ฮาม่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากโตเกียว โดยมีประชากรกว่า 3 ล้านคน หากนั่งรถไฟจากโตเกียวใช้เวลาเพียง 30 นาที จุดน่าเที่ยวหลายแห่งในเมืองรวมกันอยู่ไม่ไกลกันนัก..ตามมาสำรวจกันเลยค่ะ
ไชน่าทาวน์ หรือชูคะไง เป็นถิ่นชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเก่าแก่เกือบพอๆกับย่านท่าเรือ เรื่องอาหารการกินที่นี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ มีให้เลือกรับประทานมากมายภัตตาคารอาหารมีอยู่ราว 150 ร้าน และร้านที่จำหน่ายขนมหวานนำเข้าจากจีน และสินค้าเบ็ดเตล็ดจากที่อื่นๆในเอเชีย
มารีนทาวเวอร์ (Marine Tower) หอคอยสูง 106 เมตร
รูปทรงทันสมัยตั้งเด่นตระหง่าน ยามค่ำคืนจะมีนักท่องเที่ยว
จำนวนมากมาถ่ายรูปบริเวณนี้ หอคอยที่ประดับประดาด้วย
แสงไฟช่างเป็นแบล็คกราวที่น่ารื่นรมย์ยามค่ำคืนนัก

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

สนุกกับการพูดภาษาญี่ปุ่น

วันนี้เรามาฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นในเบื้องต้นกันเถอะ วันนี้ขอเสนอ 20 คำค่ะ

สวัดดีค่ะ (こんにちは)      konnichiwa
สบายดีมั้ยค่ะ (元気ですか)    genkidesuka
ราตรีสวัสดิ์ (おやすみなさい)  oyasuminasai
ไม่เป็นไร (どういたしまして)    douitashimasjite
ขอโทษ  (すみません)      sumimasen
ยินดีที่ได้รู้จัก (初めまして)     hajimemashi
ดีใจที่ได้พบคุณ (お目にかかれてうれしいです)   omenikakareteureshiidesu
กรุณาพูดช้า ๆ(もっとゆっくり話してください)   mottoyukkurihanashitekudaisai
กรุณาพูดอีกครั้ง(もう一度いってください)    mouichidoittekudasai
กรุณารอสักครู่(ちょっと待ってください)   chottomattekudasai
นี่ราคาเท่าไร (これはいくらですか)    korewaikuradesuka
ขอดูอันโน้นหน่อย(あれを見てください)  arewaomitekudasai
ถ้าลดราคาให้ก็จะซื้อ(まけてくれたら、買ってもいい) maketekuretara kattemoii
ราคาแพงเกินไป(値段が高すぎます) nedangatakasugimasu
ของถูกกว่านี้มีอีกมั้ย(もっと安いのはありませんか) mottoyasuinowaarimasenka
ทั้งหมดราคาเท่าไร (全部でいくらですか) sembudeikuradesuka
ช่วยด้วย (助けて)  tasukete
เกิดอะไรขึ้น (どうしましたか)  doushimashitaka
เข้าใจแล้ว (分かりました)   wakarimashita
ขอบคุณ (どうもありがとう)   doumoarigatou

ลองไปฝึกดูนะค่ะ